? O A B????โอ เอ บี?

? O A B????โอ เอ บี? 
โดย นพ.วสันต์ เศรษฐวงศ์ รพ. เลิดสิน 

ความถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคโอเอบี 

1. ฉันสงสัยว่าโรคโอเอบีคืออะไร? 
โรคโอเอบีเป็นชื่อโรคที่ทับศัพท์มาจากภาษาอังกฤษ OAB ซึ่งย่อมาจากคำว่า OverActive 
Bladder ปัจจุบันยังไม่มีชื่อภาษาไทยที่เป็นทางการสำหรับโรคนี้ เนื่องจากเป็นโรคที่บัญญัติขึ้นใหม่ได้ประมาณสิบกว่าปี แพทย์บางท่านอาจเรียกโรคนี้ว่า ?กระเพาะปัสสาวะทำงานไวกว่าปกติ? หรือ ?กระเพาะปัสสาวะทำงานไวเกิน? หรือ ?กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะทำงานไม่คงที่? เป็นต้น ซึ่งชื่อเหล่านี้ทั้งหมดสื่อความหมายถึงการบีบตัวที่เร็วผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะตามความหมายของ overactive bladder ในภาษาอังกฤษ 

2. อาการอะไรบ้างที่ชวนสงสัยว่าฉันอาจเป็นโรคโอเอบี? 
ผู้ป่วยที่เป็นโรคโอเอบีมีอาการต้องไปปัสสาวะอย่างรีบด่วนทันทีที่รู้สึกปวดปัสสาวะโดยไม่สามารถผัดผ่อนได้ (urgency) เป็นหลัก บางคนอาจมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่จนมีปัสสาวะเล็ดราดออกมาก่อนไปถึงห้องน้ำ (urge incontinence) หรืออาการปัสสาวะบ่อย (frequency) คือ ปัสสาวะมากกว่า 8 ครั้งต่อวัน หรือตื่นกลางดึกเพื่อถ่ายปัสสาวะ (nocturia)ร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ อาการอาจแตกต่างกันในผุ้ป่วยแต่ละราย และสิ่งสำคัญคือผู้ป่วยต้องไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นไข้ เป็นต้น 

3. โรคโอเอบีพบได้บ่อยแค่ไหน? 
โรคโอเอบีเป็นโรคที่พบบ่อยในประชากรทั่วไปของทุกประเทศทั่วโลก อาจพบได้ถึง 14% ของประชากรทั่วไป นั่นหมายความว่าในประเทศไทยอาจมีผู้ป่วยโรคนี้มากกว่า 6,000,000 ราย โรคนี้พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชายเท่าๆ กัน และเกิดได้ในคนมีอายุน้อยจนถึงผู้สูงอายุ แต่พบในผู้สูงอายุมากกว่า โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้น

4. โรคโอเอบีเป็นสภาวะปกติของผู้สูงอายุหรือไม่? 
โรคโอเอบีไม่ใช่เป็นสภาวะปกติของผู้สูงอายุเสมอไป แม้ว่าโรคนี้พบมากขึ้นในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป อาจพบได้มากถึง 16% ของประชากรกลุ่มนี้ นั่นหมายความว่าผู้สูงอายุหลายคนก็ไม่มีโรคโอเอบี ดังนั้นโรคโอเอบีจึงไม่ใช่ภาวะปกติของผู้สูงอายุ สิ่งที่สำคัญโรคโอเอบีเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ ดังนั้นเมื่อสงสัยว่าตัวเองอาจมีโรคโอเอบีหรือความผิดปกติเกี่ยวกับการขับถ่ายปัสสาวะ จึงควรรีบไปพบแพทย์ 

5. โรคโอเอบีเกิดจากสาเหตุอะไร? 
ปัจจุบันวงการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคโอเอบี เชื่อว่าโรคโอเอบีอาจเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะหรือระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะผิดปกติทำให้ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะให้ทำงานตามปกติ กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะจึงเกิดการบีบตัวที่ไวผิดปกติ ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ของโรคโอเอบีไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่เนื่องจากมีหลายโรคที่ร้ายแรงถึงชีวิต เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นิ่ว หรือการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ก็มีอาการและอาการแสดงคล้ายๆ กับโรคโอเอบี ดังนั้นถ้าสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคโอเอบี หรืออาการคล้ายๆ กับโรคนี้ควรรีบไปปรึกษาแพทย์

6. โรคโอเอบีส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตมากน้อยอย่างไร? 
แม้ว่าโรคโอเอบีเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็ส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิต ไม่น้อยไปกว่าโรคร้ายแรงหลายโรค อาการปัสสาวะบ่อยและกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของการทำงานลดลงเนื่องจากต้องลุกไปปัสสาวะบ่อย การใช้ชีวิตประจำวันยากลำบากขึ้นโดยเฉพาะช่วงเวลาจราจรติดขัดหรือช่วงเดินทางไกลต้องแวะหาห้องน้ำตลอดการเดินทาง ทำให้หลายคนไม่อยากออกจากบ้าน เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน จนเกิดเป็นโรคซึมเศร้าตามมาภายหลัง อาการปัสสาวะเล็ดราดทำให้เกิดความอับอาย ขาดความมั่นใจในการเข้าสังคมและอาจเกิดปัญหาในครอบครัวขึ้นได้ ส่วนอาการลุกขึ้นปัสสาวะกลางดึกบ่อยๆนั้น ทำให้ผู้ป่วยพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ สร้างความรำคาญและทุกข์ทรมานต่อผู้ป่วยเป็นอย่างมาก

7. ฉันสงสัยว่าเป็นโรคโอเอบีเมื่อไปพบแพทย์ แพทย์จะตรวจอะไรบ้างเพื่อวินิจฉัยโรคนี้? 
การวินิจฉัยโรคโอเอบีไม่ได้ยุ่งยากหรือซับซ้อนแต่อย่างไร เมื่อผู้ป่วยที่มีอาการชวนสงสัยว่าเป็นโรคโอเอบีมาพบแพทย์ แพทย์จะซักประวัติอย่างละเอียดเกี่ยวกับอาการต่างๆ ระยะเวลาที่มีอาการ โรคประจำตัว และอาการร่วมอื่น ฯลฯ ร่วมกับการตรวจร่างกายทุกระบบอย่างครบถ้วน ทั้งการตรวจร่างกายทั่วไป การตรวจภายใน การตรวจทางทวารหนัก และการตรวจระบบประสาที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่ายปัสสาวะ รวมทั้งการส่งตรวจห้องปฏิบัติการเบื้อต้นที่จำเป็น เช่น การจดบันทึกการปัสสาวะ การตรวจปัสสาวะหรือระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแยกโรคอื่นๆ ที่มีอาการและอาการแสดงคล้ายกับโรคโอเอบีก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าอาการของผู้ป่วยเกิดจากโรคโอเอบีจริงๆ จะเห็นได้ว่าการตรวจวินิจฉัยโรคโอเอบีไม่ได้น่ากลังแต่อย่างไร ดังนั้นเมื่อสงสัยว่าอาจเป็นโรคโอเอบีควรรีบไปพบแพทย์

8. แพทย์รักษาโรคโอเอบีอย่างไร? 
ปัจจุบันมีหลายวิธีในการรักษาโรคโอเอบีขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ 
ลดการดื่มน้ำในกรณีที่ดื่มน้ำมากเกินไป งดการดื่มน้ำก่อนนอนและก่อนออกเดินทาง หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่กระตุ้นการขับปัสสาวะ เช่น แอลกอฮอล์ ชาและกาแฟ ไม่อั้นปัสสาวะเวลานาน เป็นต้น

2. การฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน 
การฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เพื่อทำให้กล้ามเนื้อหูรูดของท่อปัสสาวะแข็งแรงขึ้น สามารถใช้รักษาโรคโอเอบีได้ แต่ต้องผ่านการฝึกอย่างถูกวิธีเท่านั้น ดังนั้นจึงควรซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อแนะนำการฝึกที่ถูกต้อง 

3. การรักษาด้วยยา 
กลุ่มยา antimuscarinics และ beta-3 agonist เป็นยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคโอเอบี โดยการลดการบีบตัวที่ไวเกินของกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ ทำให้อาการของโรคดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง ตาแห้ง ท้องผูก บางรายอาจมีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ หรือง่วงซึมได้ ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา 

4. การรักษาด้วยการกระตุ้นไฟฟ้า และการฉีดสาร botulinum toxin A เข้าไปในกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะได้ผลดีในผู้ป่วยโอเอบีที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยากินและพฤติกรรมบำบัด

5. การผ่าตัดต่างๆ นั้นสงวนไว้เฉพาะในกรณีที่รักษาด้วยวิธีต่างๆข้างต้นแล้วไม่ประสบความสำเร็จเท่านั้น 

6.ฉันสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคโอเอบี แต่อายที่ไปพบแพทย์ควรทำอย่างไร? 
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า โรคโอเอบีไม่ใช่โรคที่น่าอับอาย และไม่ได้เป็นแค่ตัวเราคนเดียว ยังมีอีกหลายล้านคนที่มีอาการเหมือนกับตัวเรา และโรคนี้สามารถรักษาหายได้ด้วยวิธีการต่างๆ ดังนั้นแค่กล้าที่จะออกไปขอคำจากปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และรับการรักษาที่ถูกต้อง ก็จะพบว่าได้คุณภาพชีวิตที่ดีกลับคืนมาอีกครั้ง 

ทาง TUA ขอขอบพระคุณมากสำหรับบทความสุขภาพดีๆ จาก

ผู้เขียน นพ.วสันต์ เศรษฐวงศ์ 

รพ.เลิดสิน

ผู้ตรวจทาน ศ.นพ.วชิร คชการ รพ.รามาธิบดี

Stay Connected

Popular Knowledge

เข้าสู่ระบบ


ลงทะเบียน

(เฉพาะสมาชิก TUA เท่านั้น)

กรุณากรอกข้อมูลด้านล่าง

กู้คืนรหัสผ่านของคุณ

กรุณาระบุอีเมลของคุณ